Table of Contents#
- บทนำ (Introduction)
- Yak Shaving คืออะไร?
- ตัวอย่าง Yak Shaving
- บทเรียนจากเรื่อง Yak Shaving ที่หัวหน้าทุกคนควรรู้
- บทสรุป (Conclusion)
บทนำ (Introduction)#
เมื่อราว 10 ปีก่อนผมเคยอ่านเรื่อง Yak Shaving ตั้งแต่สมัยเริ่มทำงานใหม่ ๆ ซึ่งมันเปลี่ยนมุมมองของผมเกี่ยวกับการจัดการงานไปโดยสิ้นเชิง Yak Shaving เป็นคำที่ทุกคนควรรู้จัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เป็นหัวหน้างาน เพราะมันช่วยให้เราเข้าใจว่าทำไมบางครั้งงานที่ดูเหมือนง่าย แต่เมื่อลงมือทำจริงกลับกลายเป็นเรื่องซับซ้อนได้อย่างไม่น่าเชื่อ
Yak Shaving คืออะไร?#
รูป Yak Shaving โดย David Revoy จาก Wiktionary
- Yak shaving ถ้าแปลตรงตัวมันคือการโกนขนจามรี (Yak)
- แต่ในบริบทนี้มันคือเรื่องเล่าเชิงเปรียบเทียบเกี่ยวกับงานที่ดูเหมือนง่ายแต่เมื่อทำจริงกลายเป็นซับซ้อนวุ่นวาย
- เช่น เริ่มจากงานหนึ่งแต่กลับต้องทำงานอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องมากมายเพื่อให้งานแรกสำเร็จ
- ที่มาของคำ(เปรียบเทียบ)นี้น่าจะมาจาก Carlin Vieri ในช่วงที่เขาทำงานที่ MIT AI Lab (1993–1998)
- เขาได้แรงบันดาลใจจากตอนหนึ่งของ The Ren and Stimpy Show ซึ่งมีชื่อว่า “Yak Shaving Day”
ตัวอย่าง Yak Shaving#
1) Don’t Shave That Yak! จาก Seth’s Blog#
เมื่อปี 2005 ใน blog ของ Seth Godin ได้ยกตัวอย่างสถานการณ์ที่ใครสักคนต้องการจะล้างรถ แต่กลับต้องไปซื้อสายยางใหม่ที่ Home Depot เนื่องจากสายยางเสีย เลยต้องขอยืม EZPass จากเพื่อนบ้านเพื่อออกไปที่ร้าน ซึ่งก่อนจะยืมได้จะต้องคืนหมอนที่ยืมมาเสียก่อน แต่หมอนเจ้ากรรมก็ดันเสียหาย สุดท้ายต้องไปโกนขนจามรีที่สวนสัตว์มายัดใส่หมอน ทั้งหมดนี้เพียงเพื่อจะได้ล้างรถแค่นั้นเอง
Seth บอกว่า Yak Shaving คือการที่เราพบว่าตัวเองต้องทำงานที่ซับซ้อนและต่อเนื่องกันไปเรื่อย ๆ โดยที่งานแต่ละอย่างนั้นดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด เค้าให้ความเห็นว่าบางครั้งงานก็ต้องทำให้ดีพอ แต่ไม่ต้องสมบูรณ์แบบก็ได้
2) Yak Shaving จาก Joi Ito’s Diary#
ในปีเดียวกัน Joi Ito (ทีมก่อตั้ง ISP แห่งแรกในญี่ปุ่นและเป็นเพื่อนของ Seth) ก็ได้เขียนถึง Yak Shaving ใน blog ของเขาเช่นกัน โดยยกตัวอย่างการทำความสะอาดห้องที่ต้องออกไปซื้อถุงขยะซะก่อน แต่การจะไปก็ต้องเติมน้ำมันรถ, ต้องหาบัตรส่วนลดน้ำมัน และยังจะต้องหากุญแจในห้องด้วย ทุกอย่างเชื่อมโยงกันจนดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด
Ito บอกว่าชีวิตของเขาเต็มไปด้วย Yak Shaving แต่เป็นการทำงานที่ทำให้เขาได้รับประสบการณ์ใหม่ ๆ และก้าวหน้าในชีวิต
บทเรียนจากเรื่อง Yak Shaving ที่หัวหน้าทุกคนควรรู้#
1) งานที่ดูเหมือนง่ายเมื่อลงมือทำจริงอาจซับซ้อนกว่าที่คิด#
- งานที่มอบหมายบางอย่างอาจมีอุปสรรคที่คุณไม่รู้หรืออาจคาดไม่ถึง
- อย่าคิดว่างานต่าง ๆ จะง่ายเสมอไปโดยเฉพาะเมื่อคุณมองลงมาจากข้างบน (ในฐานะหัวหน้า)
2) ควรมีความเห็นอกเห็นใจในการบริหารทีม#
- ไม่ควรมองข้ามความยากลำบากของพวกเขา
- มีความเข้าอกเข้าใจว่าพวกเขาอาจต้องเผชิญกับปัญหาที่คุณมองไม่เห็นแต่แรก
3) คำแนะนำในการจัดการ Yak Shaving#
- มุ่งเน้นที่งานสำคัญและสร้างคุณค่าเป็นหลัก
- มองหาวิธีทำงานที่ทำได้ทันทีโดยไม่ต้องมีขั้นตอนซับซ้อน
- ยอมรับการทำงานที่ดีพอในตอนนี้ แทนที่จะทำให้สมบูรณ์แบบตั้งแต่ต้น
- จากเรื่องของ Seth:
- แทนที่จะต้องออกไปซื้อสายยางใหม่ คุณอาจจะลองหายืมสายยางของเพื่อนบ้านคนอื่นดู
- หรือเพื่อให้งานจบ คุณอาจตัดสินใจเข้าคาร์แคร์ไปเลยสำหรับการล้างรถครั้งนี้
- จากเรื่องของ Joi Ito:
- คุณอาจจะเก็บบ้านโดยใช้ลังเก่า ๆ แทนถุงขยะไปก่อนเพื่อทำให้งานเดินหน้าไปได้
- หรือหากจำเป็นต้องออกไปซื้อถุงขยะ ก็อาจไม่จำเป็นต้องหาบัตรส่วนลดในวันนี้ก็ได้
- อย่าลืมเผื่อเวลาให้กับงานต่าง ๆ อยู่เสมอ
- ในช่วงของการประเมินเวลา มี project manager หลายคนเอาเวลาที่ได้คูณ 2 ซะเลย
- จากนั้นไปต่อรองกับ stakeholder อีกที สาเหตุหนึ่งก็เพราะเรื่อง Yak Shaving นี่หละ
- พวกเขาบอกว่าโดยมากผลที่ได้มักใกล้เคียงกับเวลาที่ใช้จริงซะด้วยสิ
บทสรุป (Conclusion)#
ผู้นำทุกคนควรตระหนักว่าไม่ใช่งานทุกอย่างจะง่ายเหมือนการคิดและมองแบบผิวเผินจากบนฟากฟ้า โดยเฉพาะเมื่อคุณไม่ได้ลงมือทำด้วยตัวเองในทุกขั้นตอน ซึ่งอาจมีบางจุดที่คุณมองข้ามหรือพลาดไปก็ได้
ใช่ บางทีมันไม่ใช่ว่าคุณไม่รู้เรื่องนี้หรอก แต่บางครั้งคุณอาจจะลืมมันไป
ดังนั้น การประเมินเวลาที่ดี, การตัดสินใจที่เด็ดขาดและถูกต้อง, การมุ่งเน้นผลลัพธ์ที่สร้างคุณค่า, รวมถึงการสนับสนุนทีมงานด้วยความเห็นอกเห็นใจ สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ทีมทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่ามองข้ามเรื่อง Yak Shaving มันอาจเป็นอุปสรรคใหญ่ในการบรรลุเป้าหมายของทีมคุณอยู่ก็ได้